| |
 |
การกล่าวหาโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่รายนี้เกิดขึ้นที่รัฐอิลินอยส์ สหรัฐอเมริกา หลังมีชายผู้หนึ่งอ้างว่าสิ่งที่เฟซบุ๊กทำนั้นกำลังละเมิดกฎหมายของรัฐดังกล่าว พร้อมทั้งระบุว่า นี่เป็นระบบการเก็บรวบรวมเพื่อสร้างฐานข้อมูลไบโอเมทริกส์ของลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
โดยผู้ยื่นฟ้องเฟซบุ๊กมีนามว่า Carlo Licata โดยยื่นฟ้องต่อศาล Cook County Circuit Court เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า เขาไม่เคยอนุญาตให้เฟซบุ๊กเก็บหรือบันทึกข้อมูลไบโอเมทริกส์เลย
ด้านตัวแทนจากเฟซบุ๊กได้ออกมาระบุว่า บริษัทจะต่อสู้ต่อข้อกล่าวหานี้อย่างเต็มที่
สำหรับฟีเจอร์ดังกล่าวเริ่มนำมาใช้บนเฟซบุ๊กในปี ค.ศ 2010 สำหรับแท็ก (Tag) ผู้ที่อยู่ในภาพ เพื่อให้การอัปภาพถ่ายของยูสเซอร์สะดวกมากขึ้น แต่ด้วยความก้าวหน้าของระบบดังกล่าวทำให้มันสามารถจดจำใบหน้า และสามารถระบุตัวตนของผู้ที่อยู่ในภาพได้โดยอัตโนมัติ ยิ่งมีการแท็กมากเท่าไร ระบบก็ยิ่งจดจำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนั้น เฟซบุ๊กยังมีทางออกสำหรับผู้ที่ไม่นิยมฟีเจอร์ดังกล่าว โดยสามารถปิดการทำงานของฟีเจอร์นี้ได้ด้วยตัวเอง แต่ทนายความของ Licata กล่าวว่า เฟซบุ๊กควรทำมากกว่านี้
“ถึงเขาจะเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว แต่ทุกสิ่งก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะเฟซบุ๊กเก็บข้อมูลของเขาไปแล้ว” Jay Edelson ทนายความของ Licata กล่าว “มันไม่มีปุ่ม Delete นี่”
อย่างไรก็ดี ขณะนี้เฟซบุ๊กกำลังพัฒนาซอฟต์แวร์จดจำใบหน้ารุ่นใหม่ในชื่อ DeepFace ซึ่งทางบริษัทระบุว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถจดจำใบหน้าบุคคลได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น