ดีแทคพร้อมประมูล 4G ผลักดันอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย
นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เปิดเผยว่าในครึ่งปีหลังดีแทคได้มีบทบาทสำคัญในการสร้างมิติใหม่ให้กับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ทั้งในแง่ความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อจีัดตั้งบริษัทร่วมทุนเสาโทรคมนาคม-ไฟเบอร์ออพติกกับทาง กสท โทรคมนาคมเพื่อให้มีการร่วมใช้โครงข่ายโทรคมนาคม และการที่บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด บรรลุข้อตกลงในความร่วมมือกับบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด (AWN) ในการนำโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของทั้งสองบริษัทออกมาใช้ร่วมกัน
ดีแทคมึ่งสู่การเข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ทั้ง 1800MHz และ 900MHz เพื่อปลดล็อคศักยภาพทางด้านโทรคมนาคมของประเทศ ที่จะนำทรัพยากรคลื่นความถี่และโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมมาพัฒนาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่โดยการเข้าถึง เชื่อมต่อ และทำให้เกิดการส่งเสริมสู่มาตรฐานการบริการ กระตุ้นให้ระบบนิเวศด้านโทรคมนาคมมีการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการกำหนดเป้าหมายให้คนไทยร้อยละ 80 มีการใช้อินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน (Active Internet Users) ภายในปี 2560 ที่สำคัญยังเป็นการตอบสนองนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล (Digital Economy) ที่ต้องผลักดันให้มีพื้นที่บริการอินเตอร์เน็ตบนมือถือได้ครอบคลุมมากที่สุด
"สำหรับการคืนคลื่นความถี่ที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 4.8MHz เพื่อนำไปประมูลคลื่น 1800MHz ขณะนี้ดีแทคอยู่ระหว่างรอขั้นตอน ดังนี้ 1. กระบวนการทางกฏหมายรองรับจากภาครัฐ กสทช. และ กสท โทรคมนาคมในการเดินหน้าอนุมัติการย้ายคลื่นและเรื่องสัญญาสัมปทานมาเป็นทางการ โดยขณะนี้ดีแทคยังไม่ได้รับหนังสืออนุมัติอย่างเป็นทางการเพื่อให้ดำเนินการ 2. กระบวนการทางเทคนิคในการที่บริษัท ดิจิตอลโฟนจำกัด (ดีพีซี) ย้ายลูกค้าที่ยังเหลืออยู่บนคลื่นที่หมดสัมปทานเพื่อให้คลื่นว่าง และดีแทคจะย้ายลูกค้าที่ใช้งานอยู่บนคลื่น 1800MHz ช่วงเดิมมาแทนที่ โดยการวางรีฟาร์มมิ่งตามที่กล่าวมานั้น ดีแทคจะต้องใช้เวลาในการย้ายพอสมควรและทดสองอย่างมั่นใจกับระบบเพราะเป็นการโอนย้ายลูกค้าที่อยู่บนคลื่น 1800MHz ทั้งประเทศไทย" นายลาร์ส กล่าว
ที่งนี้ดีแทคยังสนับสนุนให้ภาครัฐจัดทำแผนงานคลื่นความถี่ (Roadmap) ในการประมูลและกำหนดเวลาที่จะนำคลื่นความถี่มาประมูลในอนาคตไว้อย่างแน่นอนเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อการบริหารคลื่นความถี่ และประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย ดังนั้นอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะสามารถวางแผนบริหารคลื่นความถี่ และประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย ดังนั้นอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะสามารถวางแผนบริหารคลื่นความถี่ได้ล่วงหน้าทุกฝ่ายจะสามารถนำคลื่นความถี่ไปใช้ประโยชน์สูงสุดและคำนวณการออกแบบโทรคมนาคมให้เพียงพอกับความต้องการในประเทศที่เติบโตมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
"ประเทศไทยอยู่ในช่วงเวลาที่มีอัตราการใช้งานอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง (Mobile broadband) มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด พร้อมกับรัฐบาลมีนโยบายเศรษฐกิจ ทำให้อุตสาหกรรมมีความต้องการใช้คลื่นความถี่ในฐานะที่เป็นทรัพยากรที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดในการ เข้าถึงการใช้งานแบบไร้สายทุกประเภท ดังนั้นท่าทีของรัฐในเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการคลื่นความถี่ จึงควรเป็นการส่งเสริมให้มีคลื่นความถี่ในตลาดอย่างเพียงพอต่อการให้บริการ และเข้ามากำกับดูแลแทรกแซงเฉพาะในกรณีที่มีการถือถอดคลื่นความถี่โดยผูกขาดหรืกีดกันเท่านั้น" นายลาร์ส กล่าวในท้ายที่สุด
http://news.thaiware.com/
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น